คุณจะทำอย่างถ้าคุณเป็งเหมือนคน 2 คนนี้
ประวัติความเป็นมาของเมืองยโสธรและแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม
ปฏิทิน
คนตรงเวลา
วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
พระธาตุเจดีย์ประจำวันเกิด
การสักการะพระธาตุประจำวันเกิด
พุทธศาสนิกชนสั่งสมความเชื่อสืบต่อกันมาช้านานว่า การไหว้สักการะพระธาตุอันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์นั้น จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ อีกทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา และสร้างกุศลกับพระธาตุนั้น เชื่อว่าแรงนัก หากผู้ใดปฏิบัติบูชาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้บูชาตามกำลังความสามารถทุกครั้ง
พุทธศาสนิกชนสั่งสมความเชื่อสืบต่อกันมาช้านานว่า การไหว้สักการะพระธาตุอันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์นั้น จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ อีกทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา และสร้างกุศลกับพระธาตุนั้น เชื่อว่าแรงนัก หากผู้ใดปฏิบัติบูชาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้บูชาตามกำลังความสามารถทุกครั้ง
การไหว้พระธาตุถือเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะการบูชาพระธาตุ อันเป็นสถานที่บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ที่บูชา รวมทั้งอานิสงส์ ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา ยิ่งหากใครบูชาด้วยจิตใจศรัทธาอันบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้เมื่อมีโอกาส อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุ จะดลบันดาลให้เกิดสิริมงคลในชีวิตแก่ตัวผู้บูชา
ประวัติความเป็นมาของการบูชาพระธาตุ
ความเชื่อแห่งการบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุนั้น สืบทอดของชาวล้านนาเมื่อ ๗๐๐ ปีก่อน ให้ไหว้ พระธาตุประจำปีเกิด สังเกตได้ว่าพระธาตุประจำปีเกิด จะประดิษฐานอยู่ในจังหวัดภาคเหนือเป็นสำคัญ มีเพียง พระธาตุพนม ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีวอกเท่านั้น ที่ประดิษฐานในภาคอีสาน
สอดคล้องในตำนานพุทธประวัติ บทหนึ่งกล่าวไว้ว่า สมัยหนึ่งเป็นปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธองค์ได้เสด็จ มาทางอากาศ มาลงที่ดอนกอนนาก่อน แล้วเสด็จไปเวียงจันทน์ ทำนายว่าจะเกิดบ้านเมืองใหญ่ที่ตั้ง พระพุทธศาสนา หลังจากนั้นมาพักแรม ที่ภูกำพร้า (สถานที่ที่มีทำเลที่ตั้งเป็นโคกสูง อยู่ใน แผ่นดินของอาณาจักร ศรีโคตบูร) ๑ ราตรี รุ่งเช้าเสด็จข้ามไปบิณฑบาต ที่เมืองศรีโคตบูร แล้วกลับมาภัตกิจที่ภูกำพร้าทางอากาศ อีกขณะนั้นพญาอินทร์ เสด็จมาเฝ้าและทูลถามถึงเหตุที่ประทับภูกำพร้า เพื่อเหตุอะไร พระองค์ทรงพยากรณ์ว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ องค์ ในภัททกัลป์ นี้คือ กกุสันธะ, โกนาคมนะ, กัสสปะ ที่นิพพานไปแล้วสาวก ทั้งหลายนำเอาพระบรมธาตุมาบรรจุไว้ ณ ภูกำพร้า เมื่อเรานิพพานไปแล้ว กัสสปะผู้เป็นสาวกก็จะนำพระธาตุ มาบรรจุเช่นเดียวกัน
ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเกิดเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น มัลลกษัตริย์ทั้งหลายถวายพระเพลิงไม่สำเร็จ จนมหากัสสปะ ผู้เป็นสาวกมาถึง แล้วอธิษฐานว่าพระธาตุองค์ใดที่จะให้ข้าพระบาทนำประดิษฐ์ไว้ที่ภูกำพร้า องค์นั้นเสด็จมาที่ฝ่ามือบัดนี้ ดังนี้แล้วพระบรมอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือของท่าน ขณะนั้นไฟธาตุก็ลุกโชติช่วงเผาพระบรมสรีระเอง เป็นที่อัศจรรย์
หลังจากนั้น พระมหากัสสปะได้ร่วมกับผู้ครองเมืองต่าง ๆ โดยรอบภูกำพร้า สร้างพระธาตุพนม ด้วยศรัทธา และอุตสาหะ เพื่อประดิษฐานพระอุรังคธาตุ จนเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่ จังหวัดนครพนม มาจนถึงปัจจุบัน
พระธาตุประจำวันเกิด
พระธาตุประจำวันเกิด
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของพงศาวดารเหนือและคำให้การของชาวกรุงเก่าเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ของภาคอีสาน กล่าวไว้ว่า ณ ที่ใดที่เป็นที่ประดิษฐานของพระธาตุหลัก บริเวณรายล้อมจะมีเกิดพระธาตุบริวารขึ้น เชื่อว่าเป็นพระธาตุที่แตกตัว มาจากพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระอรหันต์ และสาวกของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีเทวดานพเคราะห์ประจำวัน คอยปกปักรักษา
จังหวัดนครพนมนอกจากมีพระธาตุพนมเป็นหลักแล้ว อำเภอรอบนอกยังมีพระธาตุบริวารอยู่ทั่ว เห็นได้ว่าทั้ง ๑๐ อำเภอ กับ ๑ กิ่งอำเภอของที่นี่มีพระธาตุประดิษฐานตามความเชื่อที่สืบทอดกันมา และยังพบว่าชัยภูมิหรือ ลักษณะของบริวาร สอดคล้องกับนิสัยและทิศประจำวันของเทวดานพเคราะห์ ทั้ง ๗ อย่างน่าอัศจรรย์ บัญญัติความเชื่อเกี่ยวกับการสักการะ พระธาตุประจำวันเกิดที่มีครบทั้ง ๗ วัน จึง มีอยู่ที่เดียวใน จังหวัดนครพนม
การบูชาพระธาตุตามวันเกิด
อาจารย์คฑา ชินบัญชร นักโหราศาสตร์ และในฐานะผู้ศึกษาอานิสงส์ของการบูชาพระธาตุอย่างจริงจัง กล่าวว่า การบูชา พระธาตุตรงตามวันเกิด ของผู้นั้น คล้ายกับการส่งสารโดยถึงเทพที่ปกปักรักษาตัวเอง การขอพรจะ สัมฤทธิ์และรวดเร็วขึ้น หากมีศรัทธาและประกอบกรรมดีควบคู่กันไป
เป็นที่น่าสังเกตว่าในตำนานของพระธาตุนั้นได้สอดแทรกการเผยแผ่พระ พุทธศาสนา การกล่าวถึง คุณงามความดีของ องค์พระพุทธเจ้า และเทวดาสาวกผู้คุ้มครองดูแลรวมทั้งกล่าวอานิสงส์กราบไว้ แต่ มองอีกด้านแล้วเป็นวิธีแยบยลของคน โบราณเมื่อเรากราบไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ แน่นอนเจดีย์ต่าง ก็สถิตก็วัด พุทธศาสนิกชนก็ต้องเข้าวัดเป็นโอกาสดีให้ทำนุ บำรุงศาสนาไปด้วย และได้ฟังเทศน์จากพระสงฆ์ ซึ่งเป็นสาวกของ พระพุทธเจ้าด้วย อาจจะกล่าวว่าเป็นเทคนิคของการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาให้ลุล่วงต่อไป
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า หากสักการะด้วย ศรัทธาและจิตใจบริสุทธิ์อานิสงส์ของกราบไหว้จะทำให้ผู้นั้นมีจิตใจ ที่เป็นสุขเกิดขึ้น อาจไม่จำเป็นต้องรอ คอยพรจากเทวดานพเคราะห์ทั้งหลายส่งมาให้
การไหว้พระธาตุแต่ละแห่งนอกจากคำนมัสการที่เป็นบาลีแล้ว จะต้องมีสิ่งของบูชาพระธาตุ อันประกอบด้วย ข้าวตอก น้ำอบ ข้าวเหนียวปิ้ง ดอกไม้ ผ้าสี (ประจำวันเกิด) และท่องคาถาประจำวันเกิดเวียน ๓ รอบพระธาตุ ส่วนผู้ที่เกิดวันนั้นให้ สวดคาถามากจบตามจำนวนธูปที่จุดบูชา ณ พระธาตุประจำวันเกิด เชื่อว่าจะส่งแรงอธิษฐาน ไปถึงเทวดาผู้คุ้มครองได้เร็วขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่ได้เกิดตามวันนั้นหากกราบไหว้เชื่อว่าจะได้สิ่งที่ดีจากเทวดา นพเคราะห์องค์นั้น ๆ กลับมา
พระธาตุประจำวันเกิด ประวัติ ที่ตั้ง การบูชา และคาถา
พระธาตุประจำวันจันทร์
พระธาตุเรณู วัดพระธาตุเรณู
อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
พระธาตุเรณู วัดพระธาตุเรณู
อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
พระธาตุประจำวันอังคาร
พระธาตุศรีคุณ วัดธาตุศรีคูณ
อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
พระธาตุศรีคุณ วัดธาตุศรีคูณ
อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม
พระธาตุประจำวันพุธ
พระธาตุมหาชัย วัดพระธาตุมหาชัย
อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
พระธาตุมหาชัย วัดพระธาตุมหาชัย
อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม
พระธาตุประจำวันพฤหัสบดี
พระธาตุประสิทธิ์ วัดพระธาตุประสิทธิ์
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
พระธาตุประสิทธิ์ วัดพระธาตุประสิทธิ์
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
พุทธธรรมนำทางสร้างชีวิต
"พุทธธรรมนำทางสร้างชีวิต" ไม่พลาดผิดเป็นทางที่สร้างสรรค์
"พุทธธรรมนำทาง"สว่างพลัน ออกเดินกันทันทีไม่รีรอ.....
"พุทธธรรมนำชีวิต"คิด-พูด-ทำ ช่วยน้อมนำเหมือนดวงแก้วเพริศแพร้วหนอ
"พระไตรรัตน์นำหน้า"ก็ว่าพอ จากนั้นก็เร่งปฏิบัติพัฒนา
คือ"พัฒนาทางจิต"ชีวิตตน ให้เกิดผลสมหวังเป็นฝั่งฝา
"เกิดเป็นคนต้องเร่งรัดพัฒนา" หากเกิดมาใช้กรรมไม่ทำอะไร
ก็เหมือน"เสียชาติเกิด"กำเนิดมา ควรตายเสียดีกว่าแล้วเกิดใหม่
"เดินถอยหลังลงคลอง"ไม่ต้องใจ เป็นคนไทยมีปัญญาน่านิยม
"คิด-พูด-ทำแต่กรรมดีชั่วชีวิต" กรรมลิขิตจักอำนวยให้สวยสม
อยากได้ดีมีปัญญาใบหน้าคม รูปสวยสมเป็นเศรษฐีมีเงินทอง
หวังมรรค-ผล-นิพพานใช่งานยาก ฝ่าหนามขวากต้องอดทนอย่าหม่นหมอง
"ใช่โรยด้วยกุหลาบ"ทาทาบทอง ทางนี้ต้องมั่นคง"ลงมือทำ-!!"
-ด้วยตนเอง"เท่านั้นประกันผล ตนของตนทำแล้วสมว่าคมขำ
"กัลยาณมิตร"ควรมีไว้ชี้นำ "พุทธธรรมนี้คือเพื่อน"ไม่เชือนแช
จะตามส่งพี่น้องตามต้องการ ถึงนิพพานให้เห็นงามตามกระแส พากันไป"ไม่ต้องเกิด"ประเสริฐแล อีกพ่อแม่ไม่ต้องถามตามเรามาฯ
"พุทธธรรมนำทาง"สว่างพลัน ออกเดินกันทันทีไม่รีรอ.....
"พุทธธรรมนำชีวิต"คิด-พูด-ทำ ช่วยน้อมนำเหมือนดวงแก้วเพริศแพร้วหนอ
"พระไตรรัตน์นำหน้า"ก็ว่าพอ จากนั้นก็เร่งปฏิบัติพัฒนา
คือ"พัฒนาทางจิต"ชีวิตตน ให้เกิดผลสมหวังเป็นฝั่งฝา
"เกิดเป็นคนต้องเร่งรัดพัฒนา" หากเกิดมาใช้กรรมไม่ทำอะไร
ก็เหมือน"เสียชาติเกิด"กำเนิดมา ควรตายเสียดีกว่าแล้วเกิดใหม่
"เดินถอยหลังลงคลอง"ไม่ต้องใจ เป็นคนไทยมีปัญญาน่านิยม
"คิด-พูด-ทำแต่กรรมดีชั่วชีวิต" กรรมลิขิตจักอำนวยให้สวยสม
อยากได้ดีมีปัญญาใบหน้าคม รูปสวยสมเป็นเศรษฐีมีเงินทอง
หวังมรรค-ผล-นิพพานใช่งานยาก ฝ่าหนามขวากต้องอดทนอย่าหม่นหมอง
"ใช่โรยด้วยกุหลาบ"ทาทาบทอง ทางนี้ต้องมั่นคง"ลงมือทำ-!!"
-ด้วยตนเอง"เท่านั้นประกันผล ตนของตนทำแล้วสมว่าคมขำ
"กัลยาณมิตร"ควรมีไว้ชี้นำ "พุทธธรรมนี้คือเพื่อน"ไม่เชือนแช
จะตามส่งพี่น้องตามต้องการ ถึงนิพพานให้เห็นงามตามกระแส พากันไป"ไม่ต้องเกิด"ประเสริฐแล อีกพ่อแม่ไม่ต้องถามตามเรามาฯ
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554
10 อันดับเมฆที่หาดูได้ยาก
อันดับ 10 Altocumulus Castelanus
เมฆกลุ่มนี้คือจะเป็นพุ่มๆเหมือนแมงกะพรุน เกิดจากลมที่ชื้นๆจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มาเจอกับอากาศแห้งๆ
อันดับ 9 Nacreous
อันดับ 9 Nacreous
เมฆ นี้เรียกได้ว่าเป็นไข่มุกแห่งเมฆาเลยทีเดียว เพราะสีนวลตาและหลากสี ทำให้เพลินตาดี ซึ่งจะพบได้ที่แถบใกล้ๆขั้วโลกเช่นสแกนดิเนเวียตอนช่วงหน้าหนาว เวลาเย็นๆที่แสงอาทิตย์ส่องผ่าน เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะเห็นแบบนี้
อันดับ 8 Mammatus Clouds
เมฆ ลักษณะแบบเป็นกระเปาะยื่นลงมา คนทั่วไปมักจะนึกว่าเดี๋ยวจะมีพายุเข้ามารึเปล่าหว่า จริงๆแล้ว เมฆนีไม่ใช่สัญญาณเตือนอันตรายแต่อย่างใด แต่มักเกิดขึ้นหลังจากที่พายุทอร์นาโดพ้นผ่านไปแล้วต่างหากล่ะ
อันดับ 7 Mushroom Clouds
เมฆแบบนี้คงไม่ใช่อะไรที่จะดีเท่าไหร่ เพราะมันเกิดจากการระเบิดอย่างแรง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับระเบิดนิวเคลียร์ อันดับ 6 Noctilucent Clouds
เมฆ ตามชื่อ คือ เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนแต่เรืองแสง ซึ่งเกิดที่บริเวณแถวๆใกล้ๆขั้วโลกโดยแสงอาทิตย์จากอีกฟากส่องมาปะทะกับเมฆ จึงเห็นเหมือนกับเรืองแสงได้
อันดับ 5 Cirrus Kelvin-Helmholtz
เมฆม้วนเป็นเกลียว โอกาสเกิดขึ้นยากมาก และเกิดขึ้นเป็นเวลา 2-3 นาที แล้วจากนั้นก็เละ เรียกว่า เป็นความบังเอิ๊ญบังเอิญจริงๆ
อันดับ 4 Lenticular Clouds
เกิดจากหลยองค์ประกอบ ทั้งลมและความชื้น ทำให้รวมกลุ่มกลายเป็นเลนส์ได้(แต่บางครั้งก็เหมือน UFO นะ หรือว่า.....! ?????)
อันดับ 3 Roll Clouds
เป็น เมฆฝนถึงขั้นที่จะเกิดพายุ แต่เป็นเมฆก้อนใหญ่บวกกับความดันอากาศ ความร้อนและเย็น ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเมฆเป็นการม้วน เลยดูเหมือนคลื่นขนาดใหญ่
อันดับ 2 Shelf Clouds
อันดับ 2 Shelf Clouds
Resized to 92% (was 667 x 443) - Click image to enlarge
ลักษณะ คล้ายๆกับอันดับ 2 แต่อันนี้ไม่ได้เป็นการม้วน แต่เป็นชั้นๆเหมือนที่กำบัง(บ้างก็ว่าเหมือนลิ้นชัก)และจะมาเป็นแนวตั้ง นอกจากนี้มันยังคล้อยตัวต่ำจนน่ากลัว และเขาบอกว่าถ้าเข้าไปอยู่ในนั้นนี่ อย่างกับในหนังเลยครับ พยากระหน่ำรวมทั้งอุณหภูมิที่ร้อนมากๆและการหมุนของพายุที่น่าสะพรึงกลัวอันดับ 1 Stratocumulus Clouds
เมฆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก ลักษณะมันก็เหมือนกับเอาดินน้ำมันมานวดๆๆๆๆๆๆ เลยออกมาเป็นเส้นยาวๆ และเผอิญว่าเส้นยาวๆจะแบ่งเป็นช่วงๆซะด้วย ทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของการเกาะกลุ่ม
น้ำตกลงรู
ธารน้ำบนลานหินทรายหลากไหลชั่วนาตาปี มีธรรมชาติเป็นตัวกำหนดให้พลังแห่งสายน้ำ ทำงานของมันไปในวัฏจักรแห่งกาลเวลา ความหมายของสายน้ำบนลานหินทรายนี้ อาจไม่มีเรื่องราวแปลกประหลาด หากไร้ซึ่งก้อนกรวดทรายที่พลังน้ำพัดเหวี่ยงหมุนวน สร้างหลุมกุมภลักษณ์ขึ้นที่เหนือเพิงผา ใครจะเชื่อว่า หลุมกุมภลักษณ์ที่ทะลุเพดานถ้ำจะกลายเป็นสายน้ำที่ลอดทะลุลงมา เรียกขานว่าน้ำตกลงรูคู่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
อุบลราชธานี
อุบลเมืองแห่งสุนทรี รับสุรีย์แรกอรุณ จังหวัดแรกของประเทศไทย ที่เห็นพระอาทิตย์ยามเช้า ก่อนที่อื่นๆทุกวันมีความมหัศจรรย์ของภูมิประเทศหลากหลาย เช่น ผาแต้มภาพเขียนประวัติศาสตร์ และลานดอกไม้หน้าฝน เสาเฉลียง หินเทินหินรูปร่างประหลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิประเทศ ที่เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู ก็เป็นความแปลกของลักษณะภูมิประเทศ นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆอีก ได้แก่ ผาเจ็ก ผาเมย ผานาทาม ภูโลง สวนหิน ภูกระบอ ภูจ้อมค้อม น้ำตกห้วยพอก ฯลฯ
วันเวลาที่แนะนำ
น้ำตกลงรูสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปีแต่ฤดูที่มีน้ำสวยงามคือช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน
การเดินทาง
จาก อ.โขงเจียม ใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2112 ที่มุ่งสู่ อ.เขมราฐ ระหว่างทางจะผ่านน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรูที่ต้องแยกขวาเข้าไปอีกเล็กน้อย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2
โทร. 0-4524-3770
โป่งเดือดป่าแป๋ น้ำพุร้อนริมทางเส้นทางหลวง 1095
โป่งเดือดป่าแป๋ ใครเคยเที่ยว อ.ปายโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 แม่มาลัย(เชียงใหม่)-ปาย(แม่ฮ่องสอน) สังเกตดีๆ ด้านขวามือคงจะเคยเห็นน้ำพุร้อน โป่งเดือดป่าแป๋ กันมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่มักไม่เคยมาเยือนที่ท่องเที่ยวแห่งนี้กัน เพราะอาจจะเห็นเป็นเพียงแค่ทางผ่านไม่น่าสนใจ แต่ขอบอกว่าต้องคิดใหม่แล้วครับ ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับน้ำพุร้อนที่พุ่งออกมาจากพื้นดินขึ้นไปบนอากาศ สูงประมาณเกือบสองเมตรเห็นจะได้ มีบ่อน้ำร้อนให้ลงแช่เพื่อให้ผ่อนคลายร่างการจากการเดินทางที่ยาวไกลได้เป็นอย่างดี บ่อน้ำร้อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเป็นบ่อดิน น้ำพุร้อนผุดออกมาจากดิน ต่างจากหลายๆที่ ที่น้ำร้อนออกมาจากท่อแป๊ป
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋
น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ อยู่ในท้องที่ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินสูงประมาณเกือบ 2 เมตร แต่ในอดีตได้ยินเขาบอกมาว่าเคยสูงขึ้นไปถึง 5 เมตรเลยทีเดียว โดยรอบบริเวณน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ เป็นป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นอยู่โดยรอบบริเวณ มีไม้ใหญ่ตั้นสูงตระง่ารอบบริเวณ เดินไปคุณก็อาจจะได้กลิ่นของกำมะถันที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่คุณจะประหลาดในในน้ำพุร้อนแห่งนี้เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้คุณเอาไข่เข้าไปต้ม มีที่ใหนอีก แต่ผมว่าดีน่ะ น้ำจะได้สะอาด
เดินทางผ่านมาทางนี้แวะเข้าไปอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน เพื่อผ่อนคลายอาการเมื้อยล้า บรรเทาอาการปวดม้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋
การเดินทางไปเที่ยวที่นี่น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ เดินทางไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 แม่มาลัย-ปาย เดินทางเริ่มต้นจากแยกตลาดแม่มาลัย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าไปประมาณ 35 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางอยู่ทางขวามือพร้อมป้ายบอก “น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋” เลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณสัก 7 กิโลเมตร ก็จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ จอดรถเดินเข้าไปยังบ่อน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ซึ่งเป็นทางเดินไม่ไกลมากนักประมาณ 500 เมตรก็ถึงที่หมาย
ภาพบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋
วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554
หมู่เกาะพีพี
หมู่เกาะพีพี
มรกตกลางอันดามัน ที่ใครหลายคนปรารถนาจะมาเยือน ด้วยความงามของภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตา หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสวยใส การเดินทางที่สะดวกสบาย พรั่งพร้อมไปด้วยที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า แหล่งบันเทิง รวมถึง บริการด้านการท่องเที่ยวที่ครบครัน เป็นสิ่งที่คอยดึงดูดผู้คนจากต่างแดน ให้เดินทางมาสัมผัสกับสวรรค์บนดินแห่งนี้
หมู่เกาะพีพี อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะกลางทะเล ที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน เล่ากันว่า เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะแห่งนี้ว่า “ปูเลาปิอาปิ” คำว่า “ปูเลา” แปลว่าเกาะ คำว่า “ปิอาปิ” แปลว่าต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม และโกงกาง ต่อมา เมื่อชาวมุสลิม และผู้คนจากแผ่นดินใหญ่เข้ามาอยู่ จึงเรียกชื่อเกาะนี้สั้นๆว่า “ปีปี” ซึ่งภายหลังกลายเสียงมาเป็น “พีพี”
หมู่เกาะพีพี ได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวหมู่เกาะแห่งนี้ส่วนใหญ่ มาเพื่อดำน้ำดูปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาหลากสีสันที่สวยงาม
เกาะพีพีดอน
เวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงามติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัม คือความงามที่สร้างชื่อให้เกาะที่มีพื้นที่ประมาณ ๒๘ ตารางกิโลเมตรแห่งนี้ โด่งดังไปทั่วโลก บริเวณที่ราบแคบๆระหว่างอ่าวทั้งสองที่วาดโค้งเข้าหากันตรงกลางเกาะพีพีดอนนี้ คือ ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเกาะ และถือว่าเป็นสีสันการท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้ จากอ่าวต้นไทร เราสามารถเดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิวเพื่อชมทัศนียภาพที่งดงามของเวิ้งอ่าวคู่ในขณะที่ตะวันลับฟ้าได้เช่นกัน
อ่าวต้นไทร สถานที่ตั้งของท่าเรือเกาะพีพี คือ ศูนย์รวมของสถานที่พัก และร้านค้า ด้วยเหตุนี้ บรรยากาศที่นี่จึงคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน หาดทรายขาวสะอาด ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวเขียวขจี ที่กว้างและยาวเกือบ ๒ กิโลเมตร เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อน นอนอาบแดด และ เล่นน้ำทะเลสีเขียวใส บริเวณปีกของอ่าวทั้งสองข้างเป็นจุดดำน้ำตื้น เลยออกไปทางปลายปีกเป็นจุดดำน้ำลึก ซึ่งได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิไม่มากนัก ยิ่งห่างไกลชายหาด สภาพความสมบูรณ์ของปะการังยิ่งมีมากขึ้น แม้ว่าบางส่วนอาจจะอยู่ในสภาพเสียหายบ้าง น้ำทะเลก็สวยใสกว่า จนสามารถมองเห็นปะการังได้อย่างชัดเจน ปะการังที่พบส่วนมากเป็นปะการังก้อน ปะการังกิ่ง และปะการังจาน จุดดำน้ำลึกที่เด่นที่สุดในอ่าวนี้อยู่ที่ปลายปีกของอ่าวทางฝั่งตะวันตก ใต้ผืนน้ำสีเขียวทึบเป็นหน้าผาดิ่งลึกราว ๔๕ ฟุต มีหอยนางรมขนาดใหญ่ ฟองน้ำ ดอกไม้ทะเล กัลปังหา และแส้ทะเล บริเวณที่พื้นของหน้าผามีโพรงลึกเป็นที่อาศัยของปลาหลายชนิด เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า เหมาะแก่การถ่ายภาพใต้น้ำ
อ่าวโละดาลัม ชายหาดผู้น้อง ฝาแฝดของอ่าวต้นไทร ที่ร่วมกันสร้างตำนานความงามของเวิ้งหาดคู่แห่งเกาะพีพีนี้ ก็มีชื่อเสียงไม่น้อยไปกว่าแฝดผู้พี่เลย ดังนั้น นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาพักผ่อนที่นี่ด้วยเช่นกัน ทิวทัศน์ที่สวยงาม เวิ้งอ่าวกว้างใหญ่ มีขุนเขาโอบล้อมเป็นรูปเกือกม้า เม็ดทรายขาวละเอียดถูกพัดมารวมกองกันนานนับปี จนกลายเป็นชายหาดยาวประมาณ ๑ กิโลเมตร เหมาะสำหรับนั่งเล่นดื่มด่ำกับบรรยากาศ หน้าหาดน้ำตื้น เล่นน้ำได้ ในยามน้ำลด ตัวหาดจะทอดกว้างออกไปจนเกือบถึงปากอ่าว ระหว่างช่วงบ่ายจนถึงเย็น มักจะพบว่าชายทะเลด้านนี้ ได้ถูกนักท่องเที่ยวยึดพื้นที่ไว้เป็นสนามฟุตบอล และสนามวอลเลย์บอลชายหาดไปโดยปริยาย ก่อนเหตุการณ์ธรณีพิบัติ บริเวณปากอ่าวโละดาลัมเคยเป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดีจุดหนึ่ง แต่ปัจจุบันเสื่อมโทรมลงบ้าง
เกาะพีพีดอนยังมีหาดทราย และอ่าวที่สวยงามกระจายอยู่รอบเกาะ บางแห่งมีที่พักบริการ เช่น หาดแหลมหิน หาดยาว อ่าวโละบาเกา แหลมตง หลายหาดแม้จะไม่มีปะการังให้ชมมากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็โดดเด่นด้วยความงามของหาดทราย น้ำตื้น เล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย และมีบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นส่วนตัว เหมาะจะไปนอนพักผ่อนชมธรรมชาติ
อ่าวหยงกาเส็ม (อ่าวลิง) เวิ้งอ่าวเล็กๆ ยาวประมาณ ๓๐๐ เมตร ที่นักท่องเที่ยวนิยมมานอนพักผ่อน เล่นน้ำทะเล และดำน้ำดูปะการังบริเวณหน้าหาด สภาพปะการังอันสวยงาม กับปลาการ์ตูนเจ้าเล่ห์ที่แหวกว่ายเวียนวนท่ามกลางกอของดอกไม้ทะเล กำลังสนุกสนานกับการใช้ความงามของตนคอยหลอกล่อเหยื่อ ให้เข้ามาติดกับดักของเจ้าดอกไม้ทะเลที่มีพิษ นี่คือระบบนิเวศน์ที่คอยเกื้อหนุนกันตามธรรมชาติ ที่ผู้มาเยือนได้เรียนรู้จากห้องเรียนกลางแจ้งแห่งนี้ มองกลับไปยังหาดทรายขาวเบื้องหน้า เหล่าสมุนวานรของหนุมานชาญสมรทหารเอกของพระราม กำลังงวยงงกับมนุษย์เผือกผมทอง ที่ครั้งหนึ่ง ก่อนสมัยที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ยกทัพเข้ามาอินเดียมนุษย์เผือกผมทองเหล่านี้ ก็ไม่เคยรู้จักมนุษย์ขนร่างเล็กเหล่านี้เช่นกัน ในวันนี้ มนุษย์เผือกผมทองที่เดินทางมาจากโพ้นทะเล กระตือรือร้นที่จะสร้างสัมพันธ์กับมนุษย์ขนร่างเล็ก ณ ที่แห่งนี้ ด้วยการนำชื่อมนุษย์ขนร่างเล็กมาเป็นชื่อของเวิ้งอ่าวอันงามงดแห่งนี้
อ่าวรันตี ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะพีพีดอน หาดเล็ก ๆ ขาวสะอาด กำลังนอนหลับใหลเคียงคู่กับน้ำทะเลตื้นๆสีเขียวฟ้า จากหน้าหาดออกมาในทะเลประมาณ ๑๕๐ - ๒๐๐ เมตร ใต้ผืนน้ำแห่งนี้ สิ่งมีชีวิตตัวน้อยกำลังสร้างที่พักอาศัยของมันมานานนับล้านๆปี แนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ในระดับน้ำลึกประมาณ ๒ เมตร คือที่ชุมนุมของเหล่าปลาน้อยใหญ่ ปะการังส่วนใหญ่ที่พบเป็นพวก ปะการังจานที่แผ่กว้าง และปะการังกิ่งที่ได้ยึดฐานที่มั่นบนผืนทรายใต้น้ำไว้อย่างเหนียวแน่น กระแสน้ำที่ไหลแรง คอยปกป้องพวกมัน มิให้เหล่าผู้มาเยือนได้มีโอกาสได้มายลโฉมพวกมันได้บ่อยนัก ธรรมชาติใต้น้ำที่นี่จึงคงสวยงาม และปราศจากการรบกวนจากมนุษย์
แหลมตง อยู่ทางเหนือสุดของเกาะ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเลประมาณ ๑๕-๒๐ ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ที่จังหวัดสตูล ปัจจุบัน ยังคงดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย ปลูกบ้านเป็นกระต๊อบเล็กๆ หากินด้วยการออกหาปลาในท้องทะเล พวกเขามีภาษาพูดเป็นของตนเอง แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาชมวิถีชีวิตของพวกเขามิได้ขาด บริเวณแหลมตงมีธรรมชาติใต้ทะเลที่สวยงาม และบนหาดมีที่พักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
อ่าวโละลานะ เป็นอ่าวที่โค้งลึกเข้าไปในแผ่นดิน จนเป็นรูปเกือกม้า บริเวณปลายอ่าวทั้งสองด้านมีขุนเขาโอบล้อม ชายหาดยาวประมาณ ๕๐๐ เมตร ทรายขาวละเอียด น้ำตื้น เหมาะแก่การเล่นน้ำ
อ่าวนุ้ย หาดเล็กๆยาวประมาณ ๑๐๐ เมตร น้ำตื้น และใสมาก มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว โดยมี เกาะอูฐ เกาะเล็กๆ ด้านหน้าอ่าว เป็นจุดดำน้ำลึก ที่สมบูรณ์ไปด้วยปะการังแข็ง ปะการังอ่อนพวกแส้ทะเล ดอกไม้ทะเล
อ่าวโละบาเกา ยาวประมาณ ๕๐๐ เมตร ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว หาดทรายสะอาด น้ำทะเลใส บริเวณนี้มีที่พักเพียงแห่งเดียว บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน
อ่าวผักหนาม หาดเล็กๆยาวประมาณ ๓๐๐ เมตร เงียบสงบ ลงเล่นน้ำได้
อ่าววังหลง เป็นหาดที่เล็กที่สุด หาดทรายขาวสะอาด บรรยากาศเงียบสงบมาก เหมาะแก่ผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวมานอนอาบแดด เล่นน้ำทะเล
หาดยาว อยู่ติดกับอ่าวต้นไทรจึงมีความคึกคักไม่แพ้กัน ชายหาดมีความยาวเกือบ ๗๐๐ เมตร เป็นชายหาดที่ยาวสมชื่อ นักท่องเที่ยวนิยมไปนอนอาบแดดและเล่นน้ำทะเลกันมาก นอกจากนี้ยังมีแหล่งดำน้ำที่เด่นที่สุด อยู่ที่ปลายหาดทางด้านทิศตะวันออกบริเวณ “หินแพ” ซึ่งเป็นกองหินใต้น้ำ ที่มีปะการังหลากหลายชนิด เช่น ปะการังกิ่ง ปะการังสมอง สามารถดำได้ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก ถัดจากหาดยาวอ้อมหัวเกาะไปอีกฝั่ง มีหาดเล็กๆที่เงียบสงบ ยาวประมาณ ๔๐๐ เมตร ชื่ออ่าวโละมูดี มีหาดทรายที่ขาวสะอาด สามารถเล่นน้ำได้ เดินทางได้โดยนั่งเรือมาจากอ่าวต้นไทร
อ่าวโละมูดี เป็นหาดที่เงียบสงบ ยาวประมาณ ๔๐๐ เมตร หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลใส นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน หรือเดินตามทางเล็กๆ มาจากหาดยาว รวมระยะทางยาวประมาณ ๖๐๐ เมตร
จุดชมวิว อยู่บนยอดเขาทางด้านตะวันออก สูงประมาณ ๑๘๐ ม. จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ทางขึ้นอยู่ด้านหลังตลาด บริเวณบ่อบำบัดน้ำเสีย จากอ่าวต้นไทรให้เดินไปทางอ่าวโละดาลัมทางทิศตะวันออก ทางไปช่วงแรกนี้ค่อนข้างหายาก เนื่องจากป้ายบอกทางไม่ชัดเจน ควรสอบถามจากคนในพื้นที่ เมื่อถึงตีนเขาแล้วจะเห็นทางขึ้นเป็นบันไดปูนสลับทางดิน เส้นทางไม่ชันมาก ใช้เวลาเดินประมาณ ๒๐ - ๔๐ นาที ก็ถึง เมื่อขึ้นไปด้านบนจะมองเห็นเวิ้งอ่าวคู่อันงดงาม โดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ตกดิน
เกาะพีพีเล
พื้นที่เพียง ๖.๖ ตารางกิโลเมตร ของเกาะที่เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนโดยรอบเกือบทั้งเกาะ หน้าผาสูงชันตั้งฉากกับผิวน้ำทะเลที่มีความลึก เฉลี่ยประมาณ ๒๐ เมตร โดยมีบริเวณที่น้ำลึกสุดประมาณ ๓๔ เมตรอยู่ทางตอนใต้ ทำให้กลายเป็นแหล่งชุมชนของตัวมวลปะการังมากมาย นับแต่แนวด้านตะวันออกเฉียงใต้ ไปตลอดถึงชายฝั่งตะวันออก ในขณะที่บางช่วงเป็นหน้าผามีแนวปะการังเคลือบอยู่เล็กน้อย และยังมีกัลปังหา อีกทั้งหอยมือหมีรวมอยู่ด้วย ปะการังที่เคยหนาแน่นอยู่ในท้องทะเลแถบนี้ เท่าที่มีการสำรวจพบว่าจะเป็นจำพวกปะการังโขดปะการังผิวยู่ยี่ ปะการังดาวใหญ่ ปะการังสีน้ำเงิน ปะการังดอกไม้ทะเล ปะการังถ้วยสมอง ปะการังไฟ ปะการังดอกเห็ด ปะการังเขากวางทรงพุ่มพาน สิ่งต่างๆเหล่านี้ คืออัญมณีเม็ดงามที่ได้ถูกซุกซ่อนไว้ภายในเกาะแห่งนี้ มานานนับแรมปี รอคอยผู้คนมาค้นพบขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งนี้
ถ้ำไวกิ้ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า “ถ้ำพญานาค” ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่มาเก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะแห่งนี้ ภายในถ้ำเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๘๐ เมตร มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม จึงเป็นที่อาศัยของนกนางแอ่น ทางทิศตะวันออกและทิศใต้พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ประมาณ ๗๐ ภาพ เป็นรูปช้างและรูปเรือชนิดต่างๆ เช่น เรือใบยุโรป เรือใบอาหรับ เรือสำเภา เรือกำปั่น เรือใบใช้กังหัน และเรือกลไฟ เป็นต้น เนื่องจากภาพส่วนใหญ่เป็นภาพเรือ จึงมีคนคิดว่าเป็นเรือของพวกไวกิ้ง นักรบและนักเดินเรือชาวยุโรป เลยตั้งชื่อว่า “ถ้ำไวกิ้ง” สันนิษฐานว่าภาพเขียนเหล่านี้เป็นฝีมือของนักเดินเรือหรือพวกโจรสลัด เพราะจากการศึกษาเส้นทางเดินเรือจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก บริเวณนี้อาจเป็นจุดที่เรือสามารถแวะพักหลบลมมรสุมขนถ่ายสินค้าหรือซ่อมแซมเรือได้
อ่าวมาหยา เกิดขึ้นด้วยกระบวนการเดียวกันกับอ่าวปิเละ แต่ส่วนหนึ่งของหน้าผาที่โอบล้อมพังทลายกลายเป็นช่องเปิดขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับทะเลภายนอก น้ำทะเลไหลเวียนเข้าออกได้ดี เกาะหินปูนแห่งนี้ยังตั้งอยู่ห่างชายฝั่งหลายสิบกิโลเมตร ตะกอนที่มาจากอ่าวพังงามีอิทธิพลน้อยมาก น้ำทะเลใสช่วยให้แสงส่องผ่านในระดับเหมาะสม ตัวอ่อนของปะการังที่ล่องลอยอยู่ทั่วบริเวณพากันลงเกาะบนหินที่ทับถมอยู่กลางอ่าว เมื่อยึดที่มั่นได้ แต่ละตัวสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง...สองเป็นสี่ เวลาผ่านไปหลายพันปี แนวปะการังขยายขนาดปกคลุมทั่วอ่าวมาหยา ในเวลาเดียวกับที่ทะเลมีการเปลี่ยนแปลง กระบวนการของธรรมชาติยังเกิดขึ้นบนชายฝั่ง ตะกอนทรายตกทับถมรวมกันกลายเป็นหาด ผลของพืชชายทะเลที่ล่องลอยมากับน้ำบ้าง มากับสัตว์ต่างๆ บ้าง เจริญงอกงามกลายเป็นป่าชายหาด กินพื้นที่ตอนในของอ่าวประมาณ ๕๐ ไร่
เวิ้งอ่าวมาหยา ที่มีพื้นที่หลบอยู่ในภูเขาหินประมาณความยาว ๒๕๐ เมตรนั้น ส่วนหนึ่งถูกตกแต่งโดยธรรมชาติให้เป็นพื้นที่หาดทรายกว้างประมาณ ๕-๑๕ เมตร ทันทีที่ก้าวลงจากเรือและย่ำลงไปบนพื้นหาดทราย จะรู้สึกได้ว่า หาดทรายผืนเล็กผืนนี้ มันช่างนุ่มเท้าและขาวสะอาด ถึงขนาดต้องหลับตาให้ม่านตาได้ทุเลาลงจากแสงแดดที่ส่องสะท้อนขึ้นมากระทบบ้างในบางครั้ง หากลองย้อนกลับไป ความผ่องใสพิสุทธิ์ เนื้อทรายที่เป็นปุยนุ่มนวลเท้าของหาดทรายแห่งนี้ ล้วนเป็นผลพวงอย่างหนึ่งที่เกิดจาก ซากของปะการังที่ถูกทำลายจนย่อยยับ แหลกละเอียดเป็นชิ้นเป็นผง ตามวัฏจักรแห่งธรรมชาติ ในท้ายที่สุดถึงถูกเกลียวคลื่นสาดซัดขึ้นมากองทับถมมานานนับแรมปี
การเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ของทีมงานต่างประเทศ เรื่อง “เดอะบีช” กลายเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สื่อมวลชนแทบจะทุกแขนง ได้พากันนำเสนอข่าวภาพยนตร์เรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้น การกำหนดตัว นายลีโอนาโอ ดิ คาปิโอ ที่เขย่าโลกในบทของ “แจ็ค” จากภาพยนตร์เรื่อง “ไททานิค” ให้เป็นตัวพระเอก ยิ่งทำให้ข่าวดังกล่าวลุกกระพือกลายเป็นที่สนใจของประชาชน ด้วยความงามของหาด และความโด่งดังจากภาพยนต์เรื่อง “เดอะบีช” ทำให้ในแต่ละวัน มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอ่าวแห่งนี้มากมาย
อ่าวปิเละ เมื่อหลายพันหลายหมื่นปีมาแล้ว ผนังถ้ำใต้ทะเลของเกาะแห่งนี้ทนรับน้ำหนักหินปูนหลายหมื่นตันที่อยู่ด้านบนไม่ไหว ถึงแก่กาลพังทลายยุบตัวลงมาพร้อมกัน เกิดเป็นแอ่งกว้างเกือบเป็นรูปทรงกลม การยุบตัวในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย บางบริเวณที่อยู่บนบก แอ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นกลายเป็นบึง เช่น ทะเลบัน (สตูล) บึงแฝด (อุ้มผาง)ฯลฯ ขณะที่แอ่งกลางเกาะในทะเลกลาย เป็น Lagoon หรือ “ทะเลใน” มีถ้ำทะเลเชื่อมต่อกับด้านนอก น้ำทะเลไหลผ่านเข้าถึง ภายในแอ่งเหล่านี้เป็นเสมือนอีกโลกหนึ่งที่โอบล้อมไว้ด้วยผาหินปูนแต่ครั้งอดีต ไม้ชายเลนเติบโตในที่ตื้นจนกลายเป็นป่าชายเลนขนาดย่อม มนุษย์ใช้ทะเลในเป็นแหล่งท่องเที่ยว หลายแห่งโด่งดังมีชื่อเสียงขจรไกล เช่น ทะเลใน (หมู่เกาะอ่างทอง สุราษฎร์ฯ) ถ้ำมรกต (ตรัง) เกาะห้อง (พังงา)เกาะห้อง (กระบี่) ฯลฯ และรวมถึงสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน เรือแล่นอ้อมหน้าผาสูงใหญ่ จนมาถึงปากทางเข้าแคบๆ ทันทีที่เรือผ่านเข้าไป อ่าวใหญ่ปรากฏตรงหน้า มีหน้าผาสูงชันปิดล้อมเกือบรอบด้าน น้ำทะเลลงต่ำและเรียบกริบ ปราศจากคลื่นลม ดูแล้วช่างเหมือนสระว่ายน้ำที่โรงแรม น้ำทะเลใสสะอาด พื้นน้ำนิ่ง จนมองเห็นพันเห็นหมื่นปะการังอยู่ด้านล่าง ปะการังหลากหลายรูปทรง ทั้งปะการังแผ่น ปะการังเขากวาง ปะการังพุ่ม สีเขียว สีเทา สีฟ้า มีให้เลือกเกือบทุกสี กลายเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งหากินของปลาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยชนิด
อ่าวโละซามะ อีกมุมหนึ่งของทะเลอันดามันซึ่งเงียบสงบ กลางท้องน้ำ ท้องฟ้า และภูเขาหินที่ตระหง่านเหนือเวิ้งทะเล บริเวณชายหาดเล็กๆทางด้านขวาทอดตัวอยู่เคียงคู่เกลียวคลื่นที่เคลื่อนตัวตามลมพลิ้วไหว โดยมีหมู่แมกไม้พุ่มและไม้เลื้อยสีเขียวสดโลมเลียเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ถัดต่อไปในบางส่วน คลื่นทะเลกำลังพัดเข้าปะทะ หน้าผาหินที่ประดับด้วยเรียวหินย้อยที่งามราวกับถูกออกแบบบรรจง แตกตัวกลายเป็นฟองสีขาวสาดกระเซ็นเห็นเป็นภาพที่เหนือกว่างานจิตรกรรมของจิตรกรใดๆ ในขณะที่ ใต้ผืนน้ำตื้นๆเบื้องล่าง ปะการังแข็งหลายประเภท เช่น ปะการังก้อน ปะการังแผ่น ปะการังถ้วย ได้ใช้โขดหินที่ผุดขึ้นเป็นหย่อมๆเป็นที่สร้างอาณาจักร เลยลึกลงไปใต้ท้องน้ำ คือชุมชนของปะการังอ่อน ดอกไม้ทะเล และแส้ทะเล แม้ว่า เวิ้งอ่าวที่สวยงามแห่งนี้ มีขนาดไม่ใหญ่ และไม่สวยงามเท่าอ่าวมาหยา แต่ความสงบเงียบ ณ ที่แห่งนี้ ได้สร้างจินตนาการให้ล่องลอยเข้าไปสู่ความเคลื่อนไหวของท้องทะเล
การเดินทางไปหมู่เกาะพีพี
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังหมู่เกาะพีพีได้ทั้งจากกระบี่และภูเก็ต จากท่าเรือจิหลาด ในตัวเมืองกระบี่ มีเรือโดยสารออกจากกระบี่ไปเกาะพีพี วันละ 2 เที่ยว เวลา 10.00 น. และ 15.00 น. และจากเกาะพีพีกลับกระบี่ เรือออกเวลา 09.00 น. และ 14.00 น. ค่าโดยสารคนละ 350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง และมีเรือเร็วนำเที่ยวเช้าไปเย็นกลับ ออกจากอ่าวนาง เวลา 09.00 น. และกลับเวลา 17.00 น.
ส่วนการเดินทางจากภูเก็ตมีเรือนำเที่ยวเกาะพีพี แบบเช้าไปเย็นกลับ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อได้ที่บริษัททัวร์ทั่วไปในตัวเมืองภูเก็ต นอกจากนี้ บริเวณอ่าวต้นไทรบนเกาะพีพีดอน ยังมีเรือหางยาวให้เช่าไปเที่ยวตามชายหาดต่างๆ รวมถึงเกาะพีพีเลด้วย
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่... การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดกระบี่ โทร. 0 – 7562 - 2163, สำนักงานจังหวัด โทร.0 – 7561 – 1381 และประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 – 7561 – 2611
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)