เยือนชุมชนบ้านสิงห์ท่า ค้นหาอดีตเมืองยโสธร
ยโสธรเมืองเล็กที่งดงามด้วยวัฒนธรรมและงานบุญบั้งไฟ พร้อมอาหารเป็นเอกลักษณ์ ทั้งปลาส้มและลอดช่องยโสธร อีกทั้งยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ย่านบ้านสิงห์ท่า ใครได้มายโสธรแล้วไม่ไปเที่ยวชม ก็เหมือนมาไม่ถึง...
ในอดีตยโสธรมีความเป็นมาตั้งแต่ยุคทวารวดี โดยมีบันทึกในพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าราชวงศา (พระวอ) เสนาบดีเก่าแห่งเมืองเวียงจันทน์ ท้าวหน้า ท้าวคำผง ท้าวทิตพรหม และท้ามมุม พร้อมด้วยไพร่พลอพยพไปอาศัยกับเจ้านครจำปาศักดิ์ เมื่อมาถึงดงผีสิงห์ เห็นทำเลที่ตั้งเหมาะสมแก่การตั้งถิ่นฐานจึงสร้างเมืองขึ้นที่บ้านสิงห์ท่า (เมืองสิงห์ท่า) และยกฐานะเป็นเมืองยโสธรในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยโสธรถูกรวมเข้ากับกองหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือมีเมืองอุบลราชธานี เป็นเมืองเอก เรียกว่า มณฑลลาวกาว ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2456 ยโสธรกลายเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอยบราชธานี และในปี พ.ศ. 2515 จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดลำดับที่ 71 ของประเทศไทย
เที่ยวชมเมือง
จากความเป็นมาของเมืองนี้ ปัจจุบันยังคงเห็นรูปรอยความเจริญได้ที่ชุมชนบ้านสิงห์ท่า ชาวบ้านในชุมชนล้วนถ้อยทีถ้อยอาศัย อยุ่อย่างเรียบง่ายและสงบ มี ตึกแถวโบราณ งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกีส ยุคสมัยเดียวกับที่จังหวัดภูเก็ต ถนนรอบบริเวณย่านสิงห์ท่า เป็นทางลัดเลาะเชื่อมต่อถึงกันระหว่างชุมชน ตลาด โรงเรียน รวมถึงวัด ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธทั้งหลาย ยังมี ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนดูตระการตา ในย่านนี้เป็นแหล่งทำปลาส้มและลอดช่องยโสธร ของฝากชื่อดังที่ไม่ควรดลาดชิมอีกด้วย
วัดมหาธาตุ ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบุษยรัตน์ (พระแก้วหยดน้ำค้าง) พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน เป็นพระคู่เมืองของชาวยโสธรมายาวนาน หอไตรโบราณกลางสระน้ำ เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลานเก่าแก่ ที่สำคัญวัดมหาธานุเป็นที่ตั้งของพระธาตุยโสธร หรือพระธาตุอานนท์ บรรจุอัฐิธาตุของพระอานนท์ รูปทรงเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมศิลปะอิทธิพลลาว สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาถึงต้นสมัยรัตนโกสินทร์
วัดสิงห์ท่า ประวัติของการก่อบ้านสร้างเมืองยโสธร เริ่มขึ้นที่วัดสิงห์ท่าแห่งนี้ โดยในยุคแรกที่สร้างบ้านสิงห์ท่าได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นด้วย แต่ไม่มีคณะสงฆ์ ในยุคต่อมาได้ขุดค้นพบสิงห์หินและพระพุทธรูปใหญ่อยู่ในดง (บริเวณวัดสิงห์ท่าปัจจุบัน) จึงสถาปนาวัดแห่งนี้ขึ้นเป็นวัดสิงห์ท่า ปัจจุบันพระพุทธรูปโบราณปางมารวิชัย ก่อด้วยอิฐฉาบปูนลงรักปิดทองขนาดหน้าตักกว้าง 3 เมตรรูปนี้ ยังเป็นพระประธานของวัดสิงห์ท่า ซึ่งชาวยโสธรจัดให้มีการสรงน้ำหลังสงกรานต์เป็นประจำทุกปี
กินอร่อย
ในเมืองยโสธรมีอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารท้องถิ่นอีสานที่ขึ้นชื่อคือ ส้มตำ ในเขตชุมชนบ้านสิงห์ท่า พลาดไม่ได้ ควรไปชิม ปลาส้ม ซึ่งมีแหล่งผลิตอยู่ย่านบ้านสิงห์ท่า และวางขายทั่วไปในเมือง ส่วนของหวานต้องยกนิ้วให้ลอดช่องยโสธร เส้นเล็กเหนียว นุ่ม และหอมใบเตย มีขายตามร้านขนมหวานทั่วไป หากจะซื้อเป็นของฝากต้องไปแหล่งผลิตย่านบ้านสิงห์ท่า
ช้อปสนุก
ของฝากจากเมืองยโสธรโดยมากเป็นงานหัตถกรรมที่ขึ้นชื่อคือ หมอนขิตทรงสามเหลี่ยม ตกแต่งลวดลายอย่างทันสมัย แหล่งผลิตอยู่ที่หมู่บ้านศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว ยังมีงานจักสานไม้ไผ่ ฝีมือดีของชาวบ้านทุ่งนางโอก และงานแกะสลักเกวียนจำลองที่บ้านนาสะไมย์ในเขตอำเภอเมืองยโสธร
บั้งไฟยโสธร
หากได้มาเยือนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคมของทุกปี ที่นี่มีงานบุญยิ่งใหญ่คือ "บุญบั้งไฟ" หนึ่งในประเพณีฮีตสิบสอง ที่เชื่อกันว่า เป็นการบูชาเทพเจ้าที่รักษาเมือง เพื่อบูชาพญาแถนผู้สามารถดลบันดาลให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เรือกสวนไร่นาจะได้อุดมสมบูรณ์ ซึ่งชาวอีสานสืบทอดประเพณีนี้มา และที่สวนสาธารณะพญาแถนยังมีฐานยิงบั้งไฟจำลองให้คนมาเยือนได้ชมอีกด้วย
สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่
ททท.สำนักงานอุบลราชธานี
พื้นที่รับผิดชอบ : ยโสธร,อำนาจเจริญ,อุบลราชธานี
264/ ถ.เขื่อนธานี อ.เมือง จ.อุบลราธานี 34000
โทรศัพท์. 0 4524 3770 , 0 4525 0714
โทรสาร. 0 4524 3771
อีเมล :tatubon@tat.or.th
เว็บไซต์ :www.tourismthailand.org/ubonratchathani
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
http://www.tatubon.orgที่มา : http://travel.mthai.com/travel-blog/40760.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น